หลายคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องการยกกระชับหน้า อาจจะลังเลว่าระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage ควรเลือกแบบไหนถึงจะตอบโจทย์ปัญหาผิวของตัวเองได้มากที่สุด เพราะทั้งสองหัตถการถือว่าเป็นเทคโนโลยียอดนิยมที่ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และความไม่กระชับของใบหน้าได้ดีทั้งคู่ แต่ถึงแม้จะมีเป้าหมายคล้ายกัน แต่หลักการทำงาน เทคโนโลยี รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ก็มีความแตกต่างกันไป
บทความนี้ TALISA Clinic จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของการเปรียบเทียบโปรแกรม Oligio vs Thermage ว่าแต่ละเครื่องต่างกันยังไง โปรแกรม Oligio กับ Thermage มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ควรเลือกเครื่องไหนดี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกัน
Key Takeaway
- โปรแกรม Oligio vs Thermage ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ในการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในด้านเทคโนโลยีที่ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ และระยะเวลาคงผลลัพธ์
- โปรแกรม Oligio เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และมีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า ซึ่งผลลัพธ์เท่ากับโปรแกรม Thermage แต่ความเจ็บน้อยระหว่างทำน้อยกว่ามาก และราคาย่อมเยากว่า
- การเลือกระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ระดับปัญหาผิว ความเจ็บขณะทำ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงงบประมาณ ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจและคุ้มค่าที่สุด
โปรแกรม Oligio และ Thermage คืออะไร? แตกต่างกันตรงไหน?
ปัจจุบันการดูแลผิวด้วยพลังงานความร้อนกำลังได้รับความนิยมสูง เพราะสามารถช่วยยกกระชับหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งโปรแกรม Oligio และ Thermage ถือเป็น 2 โปรแกรมที่ถูกพูดถึงบ่อย แต่ก่อนจะไปดูว่าระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างไรนั้น มาทำความรู้จักในเบื้องต้นก่อนว่าแต่ละเครื่องคืออะไร แล้วมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
Oligio คืออะไร?
โปรแกรม Oligio คือนวัตกรรมล่าสุดจากประเทศเกาหลีที่ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz ในการส่งพลังงานลงไปใต้ผิวหนังลึกถึงชั้นไขมัน โดยพลังงานนี้จะเปลี่ยนเป็นความร้อน เพื่อกระตุ้นให้คอลลาเจนใต้ผิวเกิดการหดตัวทันที ช่วยจัดเรียงโครงสร้างผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูยกกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดได้ดี เช่น แก้ม เหนียง ทำให้หน้าเรียวสวย กรอบหน้าคมชัด โดยระหว่างทำจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเจ็บ แค่เพียงรู้สึกอุ่น ๆ ใบหน้าเท่านั้น
Thermage คืออะไร?
โปรแกรม Thermage คือเครื่องมือยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมมายาวนาน โดยจะใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF แบบเดียวกับโปรแกรม Oligio ส่งพลังงานความร้อนลงลึกสู่ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นเฟิร์ม ดูยกกระชับขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยลดความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ร่องแก้ม ปรับผิวชั้นบนให้เรียบเนียน และโปรแกรม Thermage ยังช่วยสลายไขมันได้ดี ทำให้หน้าดูเรียวยก เห็นกรอบหน้าชัดเจน
เมื่อเทียบโปรแกรม Oligio vs. Thermage รวมถึงเครื่อง Thermage FLX นั้น จะมีความแตกต่างกันที่ โปรแกรม Oligio มีระบบตรวจจับอุณหภูมิที่ถูกพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น จึงช่วยลดโอกาสผิวไหม้เบิร์น และเจ็บน้อยกว่าเครื่อง Thermage
เปรียบเทียบโปรแกรม Oligio กับ Thermage แบบละเอียด เข้าใจง่าย
เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูการเปรียบเทียบระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage แบบเข้าใจง่าย ตามตารางนี้ได้เลย
เกณฑ์เปรียบเทียบ | โปรแกรม Oligio | โปรแกรม Thermage |
พลังงาน | คลื่นวิทยุ (Monopolar RF) | คลื่นวิทยุ (Monopolar RF) |
ระดับความลึก | ความลึก 4.3 mm. แก้ปัญหาผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน | ความลึก 4.3 mm. แก้ปัญหาผิวในชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน |
ตำแหน่งที่ทำ | ทั่วผิวหน้า รอบดวงตา แก้ม เหนียง และลำตัว | ทั่วผิวหน้า รอบดวงตา แก้ม เหนียง และลำตัว |
พลังงานคว ามร้อน | 40-60 องศาเซลเซียส | 45-70 องศาเซลเซียส |
ความรู้สึกขณะทำ | รู้สึกอุ่น ๆ ค่อนข้างสบายผิว เพราะมีระบบความเย็น ลดความแสบร้อน | รู้สึกร้อนและเจ็บมากกว่า |
ระยะเวลาทำหัตถการ | ประมาณ 20-30 นาที | ประมาณ 40-90 นาที |
ผลลัพธ์ | ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ผิวเต่งตึง ยกกระชับ หน้าดูเด็กลง พร้อมสลายไขมัน ลดแก้ม ลดเหนียง | ช่วยยกกระชับ กระตุ้นคอลลาเจน ปรับผิวให้เรียบเนียน และช่วยสลายไขมันหนา ๆ ได้ดี |
ระยะเวลาที่จะเห็นผลลัพธ์ | เห็นผลทันที 20% แล้วจะค่อย ๆ เห็นผลเต็มที่ใน 1-3 เดือน | เห็นผลทันที 20% แล้วจะค่อย ๆ เห็นผลเต็มที่ใน 2-6 เดือน |
ระยะเวลาคงอยู่ | อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน | อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี |
โปรแกรม Oligio และ Thermage เหมาะกับใคร?
โปรแกรม Oligio เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวหน้าดูแน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง
- ผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวให้เรียบเนียนและดูเด็กลง
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า รวมถึงรอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก และลำคอ
- ผู้ที่ต้องการลดแก้ม ลดเหนียง มีหน้าเรียวเล็กโดยไม่ต้องพึ่งเข็ม
โปรแกรม Thermage เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวแน่นเฟิร์ม ดูเต่งตึง และเห็นผลยาวนาน
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอและเหนียง
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสม ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ดู V-Shape
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า สลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เข็ม และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน
โปรแกรม Oligio และ Thermage มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?
ถ้าจะต้องเลือกระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage มาดูกันว่าทั้งสองโปรแกรมนี้มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ข้อดีของโปรแกรม Oligio
- เจ็บน้อยกว่า รู้สึกอุ่น ๆ สบายผิวขณะทำ ไม่ต้องใช้ยาชา
- ช่วยยกกระชับ เก็บกรอบหน้า พร้อมสลายไขมันได้ในเครื่องเดียว
- สามารถทำได้หลายบริเวณ ทั้งใบหน้า ลำตัว
- ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 20-30 นาที
- หลังทำสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลทันที 20% และเห็นผลเต็มที่ใน 1-3 เดือน
ข้อเสียของโปรแกรม Oligio
- แนะนำทำทุก 8-12 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิด
ข้อดีของโปรแกรม Thermage
- ช่วยยกกระชับผิวหน้า สลายไขมันใต้ชั้นผิวได้ดี หน้าดูเรียวยก สัดส่วนกระชับ
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวและปรับสภาพผิวด้านบนให้เรียบตึงขึ้น
- ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด หลังทำใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- หลังทำหน้าจะตึงกระชับ ผิวดูแน่นขึ้นทันที 20%
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี
- ประหยัดเวลา ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย แต่ราคาสูงกว่ามาก
ข้อเสียของโปรแกรม Thermage
- พลังงานก้อนใหญ่กว่า จึงเจ็บกว่าโปรแกรม Oligio
- หลังทำอาจมีอาการผิวแห้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ยาชาได้
- โปรแกรม Thermage ราคาสูงกว่าโปรแกรม Oligio
นอกจากโปรแกรม Oligio และ Thermage มีเครื่องยกกระชับอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง?
นอกเหนือจากโปรแกรม Oligio vs Thermage แล้ว ยังมีเทคโนโลยียกกระชับผิวอีกหลายรูปแบบที่น่าสนใจและได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น
- โปรแกรม Ulthera
เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวนด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Micro-Focused Ultrasound) โดยแพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวได้แบบเรียลไทม์ จึงส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ ผิวจะเกิดการหดตัว ช่วยยกกระชับหน้า กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยชัดเจน อยากเน้นการกระชับผิว - โปรแกรม Ultraformer III
เป็นหัตถการที่ใช้เทคโนโลยี High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) ส่งพลังงานลงสู่ผิวหนังชั้นลึ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยกกระชับผิวหน้าให้ดูเด็กลง เก็บแก้มเหนียงห้อยย้อย เหมาะกับคนที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยตื้น ๆ หรืออยากเก็บกรอบหน้าเรียวสวย - โปรแกรม Morpheus8
เป็นโปรแกรมที่จะใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ปล่อยพลังงานผ่านหัวเข็มเล็ก ๆ หลายหัวลงสู่ผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อน ผิวไม่เรียบเนียน มีรอยแผลเป็นและหลุมสิว
อยากยกกระชับผิวแต่ไม่รู้จะเลือกตัวไหนดี อ่านเพิ่มเติมที่ : Oligio กับ Ultraformer
โปรแกรม Oligio ทำที่ไหนดี? ราคาเท่าไหร่?
การเลือกว่าจะทำหัตถการยกกระชับหน้าอันไหนดี ระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage นั้น ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิว อายุ รวมถึงงบประมาณที่มี ซึ่งที่ TALISA Clinic พร้อมให้บริการด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ทำหัตถการโดยแพทย์ทุกเคส สามารถให้คำแนะนำได้อย่างตรงจุด อยากรู้ว่าตัวเองเหมาะกับหัตถการไหน หรืออยากเปรียบเทียบกับหัตถการอื่น เช่น โปรแกรม Oligio vs Volnewmer ต่างกันยังไง ปรึกษาได้ที่ TALISA Clinic เลย
สำหรับคนที่อยากทำโปรแกรม Oligio ราคาคุ้มค่า ตอนนี้ TALISA Clinic มีโปรโมชั่นพิเศษ ดังนี้
- โปรแกรม Oligio 300 ช็อต ราคา 14,990 บาท ฟรีโปรแกรม Ultraformer 100 ช็อต หรือ โปรแกรม Fat Bomb 1 โดส
- โปรแกรม Oligio 600 ช็อต ราคา 29,990 บาท ฟรีโปรแกรม Ultraformer 200 ช็อต หรือ โปรแกรม Fat Bomb 2 โดส
โปรแกรม Oligio vs Thermage เลือกแบบที่ใช่ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด
การตัดสินใจเลือกระหว่างโปรแกรม Oligio vs Thermage ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล ทั้งปัญหาผิว งบประมาณ และผลลัพธ์ที่คาดหวัง ถ้าต้องการการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เจ็บน้อย ทำได้บ่อย โปรแกรม Oligio คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า
แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควรเข้ามาปรึกษากับแพทย์ที่ TALISA Clinic เพื่อวิเคราะห์ใบหน้า ประเมินปัญหาผิว พร้อมวางแผนการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- LINE @talisaclinic
- Instagram : talisaclinic
- Facebook : Talisa clinic
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Oligio กับ Thermage อันไหนเห็นผลเร็วกว่ากัน และต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
โปรแกรม Oligio สามารถเห็นผลชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยหลังทำทันทีจะเห็นผลประมาณ 10-20% แล้วจะค่อย ๆ เห็นผลเต็มที่ใน 1 เดือน เจ็บน้อยกว่า ราคาถูกกว่า แนะนำทำซ้ำทุก ๆ 8-12 เดือน ส่วนโปรแกรม Thermage เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกเช่นกัน แต่จะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 2-6 เดือน แนะนำทำซ้ำทุก 1 ปี
Oligio กับ Thermage อันไหนเจ็บกว่ากัน? ต้องใช้ยาชาช่วยหรือไม่?
โปรแกรม Oligio กับ Thermage เจ็บไหม อันไหนเจ็บกว่ากัน? ระหว่างทำโปรแกรม Thermage อาจรู้สึกร้อนลึกหรือจี๊ด ๆ จึงมักจะมีการทายาชาก่อนทำ เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายผิว ส่วนโปรแกรม Oligio จะมีความเจ็บน้อยกว่ามาก ผู้ทำจะรู้สึกเพียงแค่อุ่นๆ สบายผิว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
หลังทำ Oligio กับ Thermage ต้องพักฟื้นนานไหม? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
หลังทำโปรแกรม Oligio กับ Thermage สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น โดยผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปคืออาจมีรอยแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือบางรายอาจมีอาการบวมเล็กน้อยในวันแรก ๆ แต่จะหายไปเองใน 1-3 วัน
References
Oligio vs. Thermage. (n.d.). Dr. Michele Green M.D. https://www.michelegreenmd.com/oligio-vs-thermage
Thermage vs Oligio Laser Lifting for Facial Skin Tightening. (2022, June 22). Shinmedical. https://www.shinmedical.com/blog/self-care/oligio-vs-thermage/
Oligio Vs. Thermage: Which Treatment Is Right For You?. (2024, July 7). Kowayo Aesthetic Clinic. https://kowayo.com/face/oligio-vs-thermage-which-treatment-is-right-for-you/
